เมนู
จดหมายข่าว
April 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
    
สถิติ
เปิดเมื่อ28/04/2011
อัพเดท28/09/2011
ผู้เข้าชม70726
แสดงหน้า81624




บทความ

เรื่องเล่า แมวไทย
เรื่องเล่า “แมวไทย”


สิ่งหนึ่งที่เราในฐานะคนไทยควรจะภาคภูมิใจก็คือ เรามีเอกลักษณ์สำคัญของชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การไหว้ ภาษาหรือการดนตรี รวมทั้งสายพันธุ์ของสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดจากบ้านเราโดยเฉพาะ เช่นสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน หรือพันธุ์บางแก้ว รวมไปถึง “แมวไทย” ทุกสายพันธุ์
                ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า แมวไทยนั้นมีจุดกำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมีทั้งสิ้นกี่สายพันธุ์กันแน่ แต่ตามสมุดข่อยโบราณระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า แมวไทยในสมัยอยุธยานั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ๒๓ สายพันธุ์ โดยแบ่งเป็นแมวให้คุณทั้งสิ้น ๑๗ สายพันธุ์  ดังนี้ วิเชียรมาศ ศุภลักษณ์ มาเลศ โกนจา นิลรัตน์ วิลาศ เก้าแต้ม รัตนกำพล นิลจักร มุลิลา กรอบแว่น ปัดเสวตร กระจอก สิงหเสพย์ การเวก จตุบท และแซมเศวตร โดยมีแมวให้โทษอีกทั้งสิ้น ๖ สายพันธ์คือ ทุพลเพศ พรรณพยัคฆ์ ปีศาจ หิณโทษ กอบเพลิง และเหน็บเสนียด
                เหตุที่แบ่งเป็นแมวให้คุณกับแมวให้โทษนั้น เป็นความเชื่อของคนในสมัยโบราณโดยดูจากบุคลิกลักษณะของแมวแต่ละสายพันธุ์ ว่าเลี้ยงแล้วจะนำสิ่งที่ดี ๆ หรือสิ่งชั่วร้ายมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ ถัดจากบันทึกในสมัยอยุธยา เรื่องราวของแมวไทยก็ได้หายไปจากหลักฐานต่าง ๆ  จนกระทั่งมาปรากฏอีกทีในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพระองค์ได้ทรงพระราชทานแมวไทยสายพันธุ์วิเชียรมาศคู่หนึ่งให้กับกงสุลอังกฤษ ซึ่งกงสุลอังกฤษคนนั้นได้นำแมวไทยไปประกวดที่ประเทศอังกฤษโดยผลปรากฏว่าแมวไทยชนะเลิศในประเภทแมวขนสั้น ส่งผลให้แมวไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ทั้งนี้ในสมัยนั้นแมวไทยจะเลี้ยงอยู่ในวังเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์วิเชียรมาศ ชาวบ้านธรรมดาไม่มีสิทธิ์ในการเลี้ยงแมวไทย และห้ามไม่ให้ซื้อขายแมวไทยกันด้วย
                กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน จากเดิมที่มีทั้งสิ้น ๒๓ สายพันธุ์ ทุกวันนี้แมวไทยเหลือเพียง ๖ สายพันธุ์เท่านั้น ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะแมวไทยในวังเริ่มลดจำนวนลง แมวกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่กระจัดกระจายตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ในวัด หรือตามบ้านเรือนประชาชน ขาดการควบคุมดูแลอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทำให้แมวไทยไปผสมกันเองตามธรรมชาติจนเกิดการข้ามสายพันธุ์ ในยุคหลัง ๆ แมวไทยเดิมพันธุ์แท้เริ่มหายากเข้าไปทุกที จนสุดท้ายเริ่มหมดไปเรื่อย ๆ เหลืออยู่เพียง ๖ สายพันธุ์

ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแมวให้คุณทั้งสิ้น ดังนี้


วิเชียรมาศ  เมื่อแรกเกิดจะมีขนสีขาวทั้งหมด พอโตขึ้นขนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเทาอ่อน ๆ แต่ที่ปาก หาง เท้าทั้งสี หูทั้งสองข้าง และที่อวัยวะเพศอีกหนึ่งแห่ง รวมทั้งสิ้นเก้าแห่งมีสีดำหรือสีเข้มกว่าส่วนอื่น ๆ  มีนัยน์ตาประกายสดใส ใครเลี้ยงไว้มีคุณค่ายิ่งจะนำทรัพย์สมบัติมาให้
ศุภลักษณ์  หรือมีอีกชื่อว่า “ทองแดง” จะมีสีขนเป็นสีทองแดงตลอดทั้งตัว นัยน์ตาเป็นประกาย ใครเลี้ยงไว้จะนำมาซึ่งยศถาบรรดาศักดิ์
แซมเสวตร  มีขนสีดำแซมขาว ขนบางและสั้น รูปร่างเพรียว มีในตาเหมือนหิ่งห้อย ใครเลี้ยงไว้ดี มีคุณหนักหมา
โกนจา  จะมีสีดำละเอียด ในตาสีดอกบัวแรกแย้ม หางเรียวยาว ท่าทางการเดินสง่าเหมือนสิงโต ใครที่เลี้ยงแมวพันธุ์นี้ไว้จะได้รับแต่สิ่งที่ดี ๆ
สีสวาด หรือ มาเลศ หรือ แมวโคราช  มีขนสีดอกเลาเปรียบเสมือนกับเมฆสีเทายามฟ้ายับฝน มีนัยน์ตาหยาดเยิ้มประหนึ่งน้ำค้างบนกลีบบัว เป็นแมวที่เชื่อกันว่านำมาซึ่งความสุข ความเป็นมงคลให้กับผู้เลี้ยง
ขาวมณี  แมวไทยอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ไม่ได้มีระบุไว้ในสมุดข่อยโบราณ แต่ก็ถูกจัดว่าเป็นแมวไทยด้วยเช่นกัน เป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในปัจจุบัน เชื่อกันว่าเพิ่งถือกำเนิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ มีสีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้นนุ่ม รูปร่างลำตัวยาว ขาเรียว ทรงเพรียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ ดวงตาจะรีเล็กน้อย ในตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่ง เมื่อนำแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขาวมณีตาสีอำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี
                นอกจากรูปร่างลักษณะที่สวยงามแล้ว สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างของแมวไทยก็คือ อุปนิสัย ที่รักอิสระเป็นที่หนึ่ง ฉลาด เป็นตัวของตัวเอง รักบ้าน รักเจ้าของ ทั้งหมดเมื่อมารวม ๆ กันทำให้แมวไทยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทั้งในบ้านเราเองและต่างประเทศ
                ในฐานะหนึ่งในเอกลักษณ์ของชาติ เราทุกคนจึงควรมีหน้าที่ดูแลและมอบความรักให้กับแมวไทยทุกสายพันธุ์ เพื่อให้แมวไทยยังคงอยู่คู่ประเทศของเราไปอีกนาน ๆ


ที่มา  :  Pet Mania 

แมวไทยค่อยๆสูญพันธุ์ไป ปัจจุบันเหลือเฉพาะแมวที่มีลักษณะให้คุร เพียง 4 ชนิดได้แก่
 
แมววิเชียรมาศ

เมื่อปี พ.ศ. 2427 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มอบแมววิเชียรมาศคู่หนึ่งให้แก่ กงสุลอังกฤษชื่อนาย โอเวน กูลด์ (OWEN GOULD) แมวไทยคู่นี้ชนะการประกวดแมวที่ กรุงลอนดอน และทำให้ชาวอังกฤษพากันเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น จนถึงขั้นตั้งเป็นสโมสรแมวไทยถึง 2 แห่ง

นอกจากประเทศอังกฤษแล้ว พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ยังทรงมอบแมวไทยให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศ เช่น อเมริกา จนทำให้แมวไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในสมัยนั้น
แมววิเชียรมาศ เป็นแมวไทยชนิดแรกที่ฝรั่งรู้จัก และตั้งชื่อว่า SIAMESE CAT หรือ SEAL POINT (แมวแต้มสีครั่ง) อันเป็นแมวไทยต้นตระกูลที่ฝรั่งนำไปปรับปรุงสายพันธุ์ จนได้แมววิเชียรมาศลูกผสมต่าง ๆ อีก 8 ชนิด

แมววิเชียรมาศ สายพันธุ์แท้ จะมีนัยตาสีฟ้าประกายสดใส ขณะอายุน้อยมีขนสีครีมอ่อน เมื่อโตขึ้น สีขนจะเข้ม เป็นสีน้ำตาล มีแต้มสีน้ำตาลไหม้อยู่ 9 แห่ง คือ ปลายจมูก 1 ปลายหูสองข้าง ปลายเท้าทั้งสี่ ปลายหาง 1, และที่อวัยวะเพศ 1 (ทั้งเพศผู้และเพศเมีย) นับเป็นแต้มสีที่อยู่ในตำแหน่งเหมาะเจาะน่าพิศวง แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่นที่มักมีแต้มสีเลอะเทอะไม่เป็นที่ และเป็นลักษณะเด่นที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ไม่ว่าจะนำไปผสมกับแมวพันธุ์อื่นจะได้แต้มสีตามร่างกาย ตามตำแหน่งเดียวกันเสมอ แต่รูปร่างจะไม่สง่างามเท่าและอุปนิสัยจะไม่ถ่ายทอดไปยังลูกผสม

แมววิเชียรมาศเป็นแมวไทยโบราณ ในสมุดข่อยยกย่องว่าเป็นแมวให้ลาภ เลี้ยงกันเฉพาะในราชสำนัก ผู้ใดเลี้ยงไว้จะได้เป็นขุนนาง ปัจจุบัน เรียกแมวพันธุ์นี้ว่า “ แมวเก้าแต้ม” แต่เป็นแมวคนละชนิดกับแมวเก้าแต้มสมัยโบราณ ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้ว

 
 
แมวโคราช (สีสวาด)

แมวโคราช (สีสวาด) มีถิ่นเดิมอยู่ที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา โบราณเรียกว่า แมวมาเลศ หรือแมวสีดอกเลา เพราะมีสีคล้ายดอกเลา

เมื่อปี พ.ศ. 2502 นางยีน จอห์นสัน ได้นำแมวโคราชกลับไปอเมริกา จากนั้นนิยมเลี้ยงกันมากไม่แพ้แมววิเชียรมาศ ขนาดมีการจัดตั้งสมาคมผู้นิยมเลี้ยงแมวไทยพันธุ์โคราชขึ้นในอเมริกา

แมวโคราชเป็นแมวขนาดกลาง ขนสีเทาออกเงินมันเป็นประกาย ศีรษะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และลาด มีคางและกรามแข็งแรง หูตั้งสูงเด่นแสดงออกซึ่งอาการพร้อมอยู่เสมอ ดวงตาใหญ่เป็นประกาย สีของดวงตามี 2 ชนิด คือ ตาสีเขียว และตาสีเหลือง ขณะยังเล็กมีตาสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดใส และเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอำพันหรือสีเขียวอมเหลืองเมื่อโตเต็มที่ในอดีตถือว่าแมวสีสวาดเป็นแมวแห่งโชคลาภ นิยมใช้แมวที่มีตาสีเขียว ในพิธีแห่นางแมวขอฝน เชื่อกันว่าสีขนคล้ายสีของเมฆอันเป็นที่มาของฝน ซึ่งสร้างความอุดมสมบูรณ์แก่พื้นดิน ตาสีเขียวเปรียบเสมือน ความเขียวขจีของกล้าข้าวในนา 


แมวขาวมณี (ขาวปลอด)

 

แมวขาวมณี (ขาวปลอด) เป็นแมวไทยพันธุ์แท้ดั้งเดิมที่หลงเหลืออยู่มากที่สุดในปัจจุบัน แม้แมวพันธุ์นี้จะไม่ได้ถูกบันทึกในสมุดข่อยโบราณ แต่สามารถหาหลักฐานได้ตามจิตรกรรมฝาผนังในวัดต่าง ๆ ในเขต ธนบุรี เช่น ในอุโบสถวัดทองนพคุณ

แมวขาวมณีเป็นแมวที่สวยงามมาก มีขนาดปานกลาง ขนสีขาวแน่นอ่อนนุ่ม พันธุ์แท้ต้องมีสีขาวปลอดทั้งตัว ศีรษะคล้ายรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่แบน หูใหญ่ตั้งสูงเด่น หางยาวปลายแหลมชี้ตรง ขายาวเรียวได้ส่วนกับลำตัว

ดวงตามี 2 สี คือ สีฟ้า หรือ สีเหลืองอำพัน เมื่อเอาแมวขาวปลอด ตาสีฟ้าผสมกับแมวขาวปลอด ตาสีเหลืองอำพัน ลูกผสมที่ออกมาจะมีนัยตา 2 สี คือ ข้างหนึ่งตาสีฟ้า อีกข้างตาสีเหลืองอำพันเรียกกันว่า ODD EYES นิยมเลี้ยงเป็นคู่ เพื่อให้ผลัดกันทำความสะอาดขน ถ้าลี้ยงดูด้วยความรักและเอาใจใส่จะเชื่องมาก เหมาะที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา
  

 

แมวศุภลักษณ์ (ทองแดง)

แมวศุภลักษณ์ (ทองแดง) เป็นแมวสีน้ำตาลไหม้ ทั้งสีสันและลักษณะเหมือนแมวสีน้ำตาลของประเทศพม่าทุกประการ จึงยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย หรือประเทศพม่า แต่มีผู้สันนิฐานว่าพม่านำแมวชนิดนี้ไปจากประเทศไทย สมัยกรุงศรีอยุธยาแตก เมื่อ พ.ศ. 2310 ทำให้แมวศุภลักษณ์ไปแพร่พันธุ์ในพม่า

ในปี พ.ศ. 2473 ดร. โจเซฟ ซี่ ทอมสัน ชาวอเมริกา ได้นำลูกแมวสีน้ำตาล จากประเทศพม่ากลับไปยังนครซานฟรานซิสโก และนำไปจดทะเบียนที่ประเทศอังกฤษ โดยตั้งชื่อว่า BURMESE CAT

แมวศุภลักษณ์ เป็นแมวขนาดปานกลาง ขนสีน้ำตาลไหม้คล้ายสีทองแดง มีสีเข้มที่ส่วนต่าง ๆ 9 ตำแหน่ง คือ ใบหู 2 ข้าง, ปลายเท้าทั้ง 4 ข้าง, หางเข้มตลอดต้นจรดปลาย 1, จมูกและหน้าผาก 1, อวัยวะเพศ 1, ศีรษะค่อนข้างกลม และกว้าง หนวด และขนในใบหูต้องมีสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับสีของลำตัว หางยาวปานกลางมีลักษณะเรียว และเหยียดตรง ขายาวเรียว มีอุ้งเท้าอวบค่อนข้างกลม ดวงตาสีเหลืองดอกบวบเป็นประกาย มองดูดุร้าย เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ ชอบผจญภัย สนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว รักอิสระเหนือสิ่งใด

แมวศุภลักษณ์ เป็นแมวที่มีสีสันและสัดส่วนที่สวยงามมาก ปัจจุบันในเมืองไทยหายากมาก แต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ เป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่คนนิยมเลี้ยงกันมาก

 

 

 

 


Action that we create.  Results would become of us.